top of page

เมนส์มา...วิ่งมั้ย?

  • คุณแหนด
  • Nov 10, 2024
  • 1 min read

Updated: Dec 12, 2024

ไม่ค่ะ


(โพสท์นี้ไม่ตลกนะ ปวดท้องเมนส์อยู่ แหะ...)


ถ้าเป็นฉันนะ ฉันไม่วิ่งค่ะ โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันแรกที่มันมักจะมาหนักมากๆ ฉันจะไม่มีแรง ปวดหัว ปวดตัว แถมหงุดหงิดไปหมด ซึ่งจริงๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าถ้าวิ่งมันจะหายหงุดหงิด แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือร่างกายมันไม่พร้อม ช่วงแรกของการเมนส์มาในแต่ละเดือนจึงเป็นเวลาที่แย่ที่สุดของฉันค่ะ ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนจิบชาร้อน อ่านหนังสือ ดูยูทูปช่องเกี่ยวกับการวิ่งเอาแทน หรือไม่ก็ทำโยคะเบาๆ อยู่บ้าน สั่งเกาเหลาร้อนๆ ยำแซ่บๆ มากิน เข้านอนเร็วๆ จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน เพราะถ้าฟุ้งซ่านปุ๊บเดี๋ยวจิตใต้สำนึกมันจะพาเข้าแอพส้ม แอพม่วง ไปสอยเสื้อวิ่ง กางเกงวิ่ง เจลเอย ถุงเท้าเอย หรือพาลไปสมัครงานวิ่งแบบไม่มีสติอีก! (ประจำ)


แต่พอผ่านวันที่ 3 ไปแล้ว ทุกอย่างจะเริ่มกลับมาเป็นปกติ และวันนั้นมักจะเป็นวันที่ฉันวิ่งได้ดี รู้สึกมีแรง เพราะฮอร์โมนต่างๆ เริ่มกลับสู่สมดุล บวกกับความเก็บกดจาก 2-3 วันที่ผ่านมา คำว่า "วิ่งได้ดี" นี่ไม่ได้แปลว่าวิ่งเก่งหรือวิ่งเร็วนะคะ ฉันยังวิ่งช้าอยู่ค่ะ เพซ (ความเร็วของการวิ่งเป็นนาทีต่อกิโลเมตรหรือไมล์) สำหรับวิ่ง easy run (วิ่งในโซนหัวใจแอโรบิค) ของฉันคือ 8:20นาที/กม. คนเก่งๆ เขาวิ่งกัน 3:30นาที/กม. จ้ะ แต่ "วิ่งได้ดี" สำหรับฉันคือวิ่งแล้วสบายตัว รู้สึกว่าร่างกายมันลื่นไหล แขนขามันพาเราไปข้างหน้าแบบไม่หนัก ไหล่ไม่เกร็ง ฟีลลิ่งคล้ายๆ จะบินได้ (บินเอื่อยๆ นะ)


จริงๆ เคยได้ยินนักกีฬาอาชีพผู้หญิงบางคนเคยบอกเหมือนกันว่าวันที่เมนส์มาวันแรกเป็นวันที่สมรรถนะในการวิ่งจะดีที่สุด ซึ่งฉันฟังครั้งแรกแบบ ห๊ะ? แต่พอไปศึกษาดูจริงๆ เวลาเรานับวันที่เมนส์มา วันแรกมันคือวันที่เลือดยังไม่ไหลจริงจัง แค่แต้มๆ เปื้อนๆ และยังไม่ใช่สีแดงสด ซึ่งวันนั้นบางคนก็อาจจะปวดท้อง หรือมีอาการ PMS แต่บางคนก็ยังไม่เป็นอะไร และก็มีนักกีฬาอิลีทบางคนที่ลงแข่งรายการใหญ่ๆ ในขณะที่เมนส์มา ซึ่งเข้าใจได้นะเพราะเขาซ้อมมาทั้งปี จะให้ยกเลิกเพราะเมนส์มาคงเสียดายแย่ ซึ่งบางคนกลายเป็นทำได้ดี ได้ PB (personal best หรือสถิติที่ดีที่สุดของตัวเอง) ไปอีก! ซึ่งฉันว่ามันพูดยาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเรารู้ตัวว่าร่างกายเราไม่พร้อม 100% แต่เราต้องแข่ง เราเลยผลักดันตัวเองมากกว่าปกติจนได้สถิติใหม่...ก็อาจจะเป็นได้ หรือเลือดเก่าไหลออกไปเลยตัวเบา เลยวิ่งเร็ว...แหะๆ อันนี้ฉันมั่วนะคะ


ตัวฉันเองเมื่อก่อนสมัยทำงานออฟฟิศแล้วเครียดมากๆ อาการ PMS จะรุนแรงมากและเริ่มแผลงฤทธิ์ตั้งแต่ 2 อาทิตย์ก่อนเมนส์มาเลยค่ะ เรียกว่าใน 1 เดือนเป็นบ้าไปแล้ว 2 อาทิตย์ เป็นเหี่ยวไม่มีแรงอีก 1 อาทิตย์ แทบไม่เหลือพลังชีวิตไปทำอะไรละ แต่พอเลิกทำงานและเริ่มหันมาวิ่งสม่ำเสมอได้แค่ 3-4 เดือน อาการเสียสติ หรอยแรง ปวดตัว ปวดข้อ ท้องอืดท้องเสีย ซึมเศร้า อ่อนไหว ร้องไห้ได้ทุกเรื่อง ที่มักมากับ PMS เป็นประจำเริ่มหายไปค่ะ บางครั้งเมนส์มาวันแรกฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะทุกอย่างปกติมาก ทำให้วันที่เมนส์มาวันแรกฉันยังวิ่งได้อยู่ ซึ่งก็สังเกตุตัวเองนะ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับวันอื่นๆ ที่เรารู้สึกโอเคเท่าไหร่ แต่ฉันก็รู้ตัวว่าวันนั้นฉันจะตั้งใจวิ่งเป็นพิเศษเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ฉันจะวิ่งไม่ได้แล้ว และจะอดวิ่งไปอีก 2-3 วัน และสำหรับงานแข่ง โชคดีที่ฉันยังไม่เคยเจองานแข่งตรงกับช่วงที่เมนส์มาค่ะ แต่ถ้าให้คิดตอนนี้ ฉันอาจจะพยายามกินยาเลื่อน หรือถ้าค่าสมัครไม่ได้แพงมาก (สำคัญ!) และปีหน้าก็มีงานนี้อีก ฉันอาจจะเลือกไม่แข่งนะ ไม่อยากทรมานตัวเอง 2 ทางอะ ที่สำคัญ ฉันคิดว่ามันไม่ผิดเลยถ้าเราจะไม่แข่ง เมื่อเรารู้สึกไม่พร้อม ฉันว่าการตัดสินใจไม่ลงแข่งมันต้องใช้ความกล้าหาญ (ในการจ่ายเงินไปฟรีๆ) และความหนักแน่นในการเคารพร่างกายตัวเอง ซึ่งสำคัญไม่แพ้คุณสมบัติอื่นๆ ที่ต้องใช้ในการแข่งเลย


• จากประสบการณ์การมีเมนส์มาหลายศตวรรษ หาที่อุ่นๆ นอนดีสุดค่ะ เมนส์ใกล้แห้งค่อยวิ่ง
• จากประสบการณ์การมีเมนส์มาหลายศตวรรษ หาที่อุ่นๆ นอนดีสุดค่ะ เมนส์ใกล้แห้งค่อยวิ่ง


เรื่องเมนส์นี้ฉันเคยถามโยคะจารย์ (yogacharya) ชาวอินเดียที่ฉันไปฝึกด้วย เพราะตอนนั้นพวกเรานักเรียนหญิงในคลาสต่างสงสัยว่าเมนส์มาฝึกโยคะได้มั้ย คำตอบที่ได้คือ


ข้อแรก แต่ละคนไม่เหมือนกัน เวลาเมนส์มาบางคนป้อแป้ แต่บางคนไม่รู้สึกอะไร ดังนั้นถ้าไหวก็ฝึก ไม่ไหวก็ไม่ต้อง แต่ก็มีข้อแม้อยู่บ้างค่ะ คือ...


ข้อสอง ศาสตร์โยคะเขาดูจากหลักธรรมชาติ การที่เมนส์มาคือพลังงานในร่างกายอยู่ในขาไหลลงล่าง เพื่อเปลี่ยนถ่ายเลือดเก่าออกไป ดังนั้นหากอยากจะฝึกโยคะ ก็อย่าไปทำท่าที่มันจะสวนทางกับการไหลของพลังงานนี้ กล่าวคือ อย่าไปทำท่ากลับหัวต่างๆ ชี้ขาขึ้นฟ้าเอาหน้าลงดิน อย่าเพิ่ง เอเนอร์จีมันจะย้อนศรกันเปล่าๆ


ข้อสาม ทางโยคะเขาถือว่าช่วงเมนส์มาเป็นช่วงศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ (cycle ใหม่) ดังนั้นช่วงนี้ให้โฟกัสที่เรื่องของใจ หรือ "จิตวิญญาณ" อะไรที่ spiritual มากกว่าเรื่องของกาย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณ A ฝึกอาสนะ (ฝึกท่าโยคะต่างๆ นี่แหละ) เป็นการฝึกทางกายเป็นประจำ ในช่วงเมนส์มาก็ให้พัก แล้วหันมาฝึกใจเช่นนั่งสมาธิ เป็นต้น แต่ถ้าคุณ B ไม่ได้ฝึกโยคะเป็นประจำ แต่เล่นกีฬาอย่างอื่น ในช่วงเมนส์มาก็ให้ฝึกโยคะเบาๆ ได้ เพราะเทียบกับกิจกรรมทางกายอื่นๆ แล้ว โยคะก็ยังนับว่ามีความ spiritual มากกว่า (เพราะมันฝึกทั้งกายและใจไปพร้อมๆ กัน)


ใดๆ ก็ตาม ฉันว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการฟังร่างกายตัวเอง ซึ่งพูดไปเหมือนจะง่ายนะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ตัวฉันเองหลายครั้งก็ปล่อยให้เสียงอื่นๆ ดังกว่าเสียงของตัวเอง และมักจะเผลอให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่าความต้องการของร่างกาย หรือแม้แต่จิตใจของตัวเอง อันนี้ก็ต้องฝึกกันต่อไป หวังว่าคุณๆ จะทำได้ดีกว่าฉันนะคะ


อะ ไปกินยำก่อนนะ เซ็งอยู่เนี่ยยยยย อดวิ่ง!




Comments


ใช้ตีนคิด

think with your feet

  • strava
  • Instagram

© 2035 by Poise. Powered and secured by Wix

bottom of page