วิธีหลอกล่อเพื่อนเข้าวงการวิ่ง
- คุณแหนด
- Dec 11, 2024
- 2 min read
Updated: Dec 12, 2024
ชีวิตการวิ่งของฉันเริ่มต้นแนวฉายเดี่ยวค่ะ แรกๆ ก็มีบ้างที่วิ่งกับสามี ผู้พยายามผ่อนฝีเท้าตัวเองเพื่อให้ไปพร้อมๆ เมีย แต่หลังๆ มานี่เขาเห็นว่าฉันเริ่มปีกกล้าขาแข็งแล้ว จึงขอกลับไปวิ่งด้วยความเร็วปกติของตัวเอง ซึ่งถ้าเขามาวิ่งกับฉัน มันก็จะเหมือนหมาเกรย์ฮาวด์ขายาวเรียว (เขา) ที่มีหมาไส้กรอกขาสั้นกุด (ฉัน) พยายามวิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลัง มันจะทันกันไหมล่ะคุ๊ณณณ!!??
เอาจริงๆ การหาเพื่อนวิ่งไม่ใช่เรื่องยากหรอกค่ะ โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในกรุงเทพ แค่ไปสวนลุม สวนรถไฟ หรือสวนใดๆ บ่อยๆ คุณจะพบแก๊งนักวิ่งขาประจำที่สามารถเข้าไปพูดคุยด้วยได้ รวมทั้งกลุ่มวิ่ง (run club) ต่างๆ ก็มีเยอะแยะไปหมดในยุคนี้ หรือแม้แต่คนอยู่ต่างจังหวัดอย่างฉันก็สามารถเข้าหากลุ่มนักวิ่งท้องถิ่นที่วิ่งกันเป็นประจำได้เช่นกัน ฉันว่าวงการวิ่งเป็นสังคมที่เปิดกว้างและสร้างมิตรภาพได้ไม่ยากเลยค่ะ ไอ้ที่ยากคือฉันเองนี่แหละ เพราะเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง เวลาเจอคนไม่รู้จักแล้วจำเป็นต้องคุยฉันมักทำตัวไม่ถูก แถมเวลาวิ่งฉันต้องโฟกัสกับตัวเอง จะให้แยกประสาทไปผูกมิตรด้วย เซลล์สมองมีไม่พอจริงๆ ค่ะ พอจะให้ไปเข้าหากลุ่มเพื่อนใหม่ มันเลยยากมากกกกกก!
จนฉันได้เห็นโพสท์รับสมัครงาน Crazy Cat Run 2024 ค่ะ ไอเดียก็บังเกิด
ถ้าหาเพื่อนใหม่มาวิ่งไม่ได้ ก็เปลี่ยนเพื่อนเก่าให้เป็นนักวิ่งไปเลยสิฟระ! วะ ฮะ ฮะ ฮ่าาาาา!!!
โคตร creative และ effective นี่มันไอเดียระดับ คานส์ กรังปรีซ์ ชัดๆ!
จริงๆ สาระของบทความนี้คือแค่จะบอกว่าการชวนเพื่อนมาวิ่งเป็นเรื่องที่ดี และควรทำ มันมีแค่นั้นแหละค่ะ แต่ที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้คือแผนลับกลลวงที่ฉันใช้โน้มน้าวบรรดาเพื่อนสาว ผู้ที่นอกจากจะไม่วิ่งและไม่ชอบวิ่งแล้ว ยังไม่ค่อยออกกำลังกายอีกด้วย เป็นสาวสวยตัวนิ่มที่น่าทะนุถนอม มีทั้งโสดและไม่โสด ถ้าเพื่อนคุณเป็นแนวเดียวกัน ลองอ่านดูนะเผื่อได้เอาไปใช้ค่ะ
กลยุทธ์แรกที่ฉันใช้ก็คือ...ส่งข้อความไปในไลน์แต่ละคน โดยแทรก benefit เข้าไปเบาๆ
"เมิงงงง ไปงานวิ่งกันมั้ย เสื้อน่ารักมากกกกก!"
พร้อมแนบภาพประกอบรูปเสื้อ โดยเลือกภาพที่มีนายแบบหล่อๆ เป็นคนใส่นะคะ นางแบบสาววัยละอ่อนที่เด็กกว่าและสวยกว่าเรามันจะไม่ดึงดูดเพื่อนค่ะ ซึ่งเดชะบุญว่างาน Crazy Cat Run 2024 นี้ เสื้อเขาน่ารักจริงๆ แถมยังมีให้เลือกอีกนะว่าจะเราจะเป็นทีมเขียวหรือทีมแดง สร้าง engagement ดีเลิศ ทำให้เพื่อนได้จินตนาการว่า จะเอาทีมสีไหนดีน้า สีนี้จะเข้ากับอันเดอร์โทนฉันไหมนะ กว่าจะได้สติอีกทีใจก็อยากสมัครไป 20% แล้วค่ะ ในการนี้ เพื่อนเราจะเริ่มมองเห็นว่า What's in it for me คือฉันจะได้อะไร คำตอบคือ ได้เสื้อที่น่ารัก ถือว่าพอสำหรับสเต็ปแรกค่ะ


กลยุทธ์ต่อมา ยิงติดกันไปเลยรัวๆ ขยี้ให้เห็น benefit ที่มากกว่าแค่วัตถุ คือ...
"เอาเงินไปช่วยน้องแมวจรด้วยนะเมิงงงง"
หุหุ ฉันรู้ค่ะว่าเพื่อนเป็นทาสแมวกันทุกนาง เหตุผลข้อแรกอาจจะดูทำเพื่อตัวเอง แต่เหตุผลข้อสองนี้มันแทงลึกกว่าค่ะ มันจี้จุดความเป็นแม่ของเราทุกคน (แม้มดลูกจะใกล้แห้งโดยไม่เคยใช้งานเต็มประสิทธิภาพก็ตาม) ที่อยากเป็นผู้ดูแล เป็น care giver ต่อมบุญจะกระตุก แล้วไปกระดิกต่อมตัดสินใจให้ง่ายขึ้น เราต้องหา insight ลึกๆ ของเพื่อนให้เจอก่อนนะคะ แล้วต่อมเมตตาเขาจะมีความไวต่อสิ่งนั้นๆ ทำให้การโน้มน้าวมีแนวโน้มสำเร็จมากขึ้น มีเยอะแยะนะคะ ไม่ว่าจะเป็นงานวิ่งเอาเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์ ขุดบ่อบาดาลหาน้ำให้ชาวบ้าน สนับสนุนทุนการศึกษา ไถ่ชีวิตโคกระบือ สร้างโรงเรียน ทำขาเทียม อันใดๆ ทั้งปวง เมืองไทยมีงานวิ่งไม่จบไม่สิ้น มันต้องโดนเพื่อนเราซักงานค่ะ!
กลลวง เอ๊ย กลยุทธ์ถัดไป คือสร้างอารมณ์ร่วม engage เข้าไปอีกโดยใช้ความสนุกสนานค่ะ คือ...
[ ส่งภาพพร็อพที่เข้ากับธีมงาน ] "ตอนวิ่งเราใส่อันนี้กันเมิงงง คิวท์มากก ถ่ายรูปออกมาน่ารักแน่!"
ดีนะคะที่งานนี้เป็นงานแมว ที่คาดผมหูแมวหรืออะไรที่ลายแมวมันน่ารักอยู่แล้ว เลยยิงทะลุเข้าต่อมตัดสินใจได้ไม่ยากมาก ซึ่งภาพพร็อพนี้จะช่วยสร้างจินตนาการในสมองของเพื่อนให้นึกถึงภาพตัวเองตอนกำลังวิ่งเริงร่า ใส่ที่คาดผมหูแมวดูน่ารัก โพสท์ท่าสวยๆ ให้ตากล้องถ่ายด้วยเลนส์เทเลหลังละลายอย่างดี ได้รูปสวยๆ ไปลงไอจี แถมได้อิมเมจว่าเป็นสาวเฮลตี้ ออกกำลังกาย มันเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากข้อเท็จจริงที่ว่า ...จริงๆ พวกนางวิ่งไม่เป็น และจริงๆ การวิ่งแม่งเหนื่อย ร้อน เหงื่อแตก ตัวเหม็น หน้ามัน เมคอัพลบ และเมื่อยค่ะ
แต่ตอนนี้สมองเพื่อนเราอาจเริ่มคิดวิเคราะห์ค่ะ ว่า เอ๊...แล้วจะไปหาพร็อพที่ไหน แพงรึเปล่า ต้องจ่ายเท่าไหร่ เราต้องรีบตัดตอนไอ้เจ้า train of thoughts ความคิดเฮงซวยเหล่านี้ด้วยการอำนวยความสะดวก facilitate ให้มันดูง่าย คือ...

"แอพส้มมีขาย 3 อันร้อยด้วยจ้ะ" [ แปะลิงก์ประกอบ ]
โอ้โห! ง่าย!!! ความสนุกครั้งนี้มันง่ายเสียนี่กระไร!! นี่คือสิ่งที่เพื่อนเราจะคิดค่ะ เราอย่าไปเตือนให้เขาคิดถึงการวิ่งนะคะ มันไม่ใช่ประเด็นค่ะจังหวะนี้ พอเราจับอาการได้ว่าเพื่อนเริ่มเอนเอียง เริ่มสนใจ เราก็ยิงต่อไปเลยค่ะอย่าหยุด facilitate ชี้โพรงความง่ายมันเข้าไปอีกค่ะ
"จัดที่สวนหลวงร.9 นี่เอง ใกล้บ้าน.....มากอ้ะ" [ แท็กเพื่อนที่บ้านอยู่ใกล้ที่จัดงาน ]
จังหวะนี้ มันอาจจะมีเพื่อนบางคนที่บ้านไกลค่ะ และบางคนอาจจะเริ่มถามว่าต้องวิ่งกี่โมง ซึ่งพอได้เห็นตัวเลข 5:00 หรือ 6:00 บางคนอาจช็อคได้ แต่การได้รู้ว่าเพื่อนบางคนมีบ้านอยู่ใกล้ จะชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ว่าถ้าต้องตื่นเช้า ไปนอนค้างบ้านเพื่อนคนนี้ก็ได้นี่นา เออ ไม่น่าจะลำบากมากหรอกเนอะ ในขณะที่สมองส่วนอื่นๆ ถูกครอบงำด้วยกลยุทธ์ก่อนหน้าไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
มาถึงสเต็ปนี้ เราต้องมั่นใจค่ะว่าสิ่งที่เราใช้โน้มน้าวไปมันมีพลังมากพอ เพราะตอนนี้ถึงเวลาเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริง นั่นก็คือ...
"ค่าสมัคร 600 เองจ้า" [ แทรก emoji ที่ดูเบาใจ ไร้ภาระทางการเงิน ]
เราต้องกัดฟันพิมพ์คำว่า "เองจ้า" ลงไปค่ะ แม้ว่าจริงๆ แล้ว 600 บาทนี้สามารถใช้ซื้ออะไรที่ไม่เหนื่อยและไม่เหงื่อได้อีกตั้งเยอะแยะ และแม้ว่าสำหรับบางคน อะไรที่ไม่ใช่ 299.- มันจะรู้สึกแพงไปหมดก็ตาม นี่เป็นจังหวะที่เสี่ยงที่สุดแล้วค่ะในกระบวนการพิชิตเพื่อนทั้งหมด แต่เราอย่าให้เขาจดจ่อกับประเด็นนี้นานนะคะ รีบพาเขาไปสู่ action ให้เร็วที่สุดค่ะ คือ...
"สมัครที่นี่เลยแก แป๊บเดียวเสร็จ" [ แนบลิงก์เว็บไซต์รับสมัคร ]

ลิงก์การสมัครนี่มีพลังมากนะคะ มันเป็นการตัดตอนความคิดไม่ให้เพื่อนนึกย้อนไปพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เราไม่ได้พูดถึง (ความเหนื่อยตอนวิ่ง ความโทรมที่จะเกิดกับพวกนางหลังวิ่ง) ซึ่งเราได้วางรากฐาน benefit ต่างๆ ไปแล้ว ผูกมัดเบาๆ ด้วยการสร้าง engagement ไปแล้ว กล่อมด้วยการ facilitate ให้ทุกขั้นตอนดูง่ายดายไปแล้ว ลิงก์ถือเป็นปราการด่านสุดท้าย ซึ่งก่อนจะปิดการขาย เรายังสามารถใช้กลยุทธ์ได้อีก 1 สเต็ป คือ...
"ไปก่อนแล้วนะจ๊ะ ตามมาค่ะซิสสสส" [ แนบ screenshot หลักฐานการสมัครของตัวเอง ]

ใช่ค่ะ เราต้องยอมเอาตัวเข้าแลก คนทำโฆษณาต้องได้ลองใช้และเชื่อในสินค้าที่ตัวเองรับผิดชอบฉันใด คนหลอกล่อเพื่อนมาวิ่งก็ต้องสมัครเองด้วยฉันนั้นค่ะ ใบเสร็จค่าสมัครของเราจะทำให้เพื่อนคิดว่า เอาวะ อย่างน้อยก็มีอีนี่เป็นเพื่อนวิ่ง รอดไม่รอดอย่างน้อยก็ไม่ตายเดี่ยว
และถ้าคุณกำลังสงสัยว่า แล้วสำเร็จไหม? ฉันขอให้ภาพเล่าเรื่องนะคะ หุหุ

แล้วถามว่าจะเปลี่ยนเพื่อนเป็นนักวิ่งไปทำไม? เพื่อที่ตัวเองจะได้มีเพื่อนวิ่งเหรอ? ใช่ค่ะ แต่มันมีเหตุผลที่ดูดีข้ออื่นๆ อีกนะคะ เอาง่ายๆ ตัวฉันเองตั้งแต่กลับมาวิ่งจริงจังได้ปีกว่า เห็นชัดเจนว่าสภาพจิตใจดีขึ้น ไม่ต้องกลับไปกินยาซึมเศร้าอีก ชีวิตเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น นอนหลับดีขึ้น และเริ่มมีเป้าหมายในชีวิต รวมๆ คือมันดีนั่นแหละ ฉันจึงเชื่อว่าการวิ่งจะเป็น "ยานพาหนะอีกหนึ่งชนิด" ที่จะนำพามิตรสหายของฉันไปสู่สิ่งดีๆ ในชีวิตพวกนาง ซึ่งมันก็จะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคนค่ะ มันอาจจะยากหน่อยตอนเริ่มวิ่งใหม่ๆ แต่ไม่นานหรอกค่ะ อะไรๆ มันจะดีขึ้นจริงๆ หรือต่อให้ทุกสิ่งรอบตัวชั่วเหมือนเดิม อย่างน้อยจิตใจและร่างกายเราเองนี่แหละที่จะไม่ดักดานอยู่ที่เดิม
พูดถึงความยากของการวิ่ง ตอนแรกฉันก็กังวลนะว่าพอจบงานนี้ไปนางเหล่านี้จะยังเป็นเพื่อนฉันอยู่มั้ย หรือจะยังอยากวิ่งกันต่อมั้ย แต่คุณเชื่อมั้ย...สีหน้าทุกคนตอนเข้าเส้นชัยมันบอกเลยว่าความมั่นใจได้เกิดขึ้นแล้ว ฉันไม่กล้าใช้คำว่า "แฮปปี้มีความสุข" เพราะฉันคิดแทนเพื่อนไม่ได้ แต่ฉันเห็นว่าทุกคนดูภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งลองทำ และทำสำเร็จ แต่ละนาง เฟสบุ๊คเอย ไอจีเอย มีรูปจากงานวิ่งนี้อัพโหลดขึ้นกันอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันข้ามวัน พวกเราก็เริ่มคุยกันแล้วค่ะว่า "งานหน้าไปไหนดี" โอ๊ย เป็นปลื้มมากกกก!
คำพูดที่ฉันได้ยินจากปากเพื่อนๆ ก็คือ
"เออ ก็วิ่งได้นี่หว่า"
และคำพูดที่ฉันไม่ได้ยิน แต่รู้ว่าพวกนางคิด ก็คือ
"เราแข็งแรงกว่าที่เราคิดแฮะ"
ไม่อยากจะโม้ (หุหุ) ว่าหลังจากงานนั้นเพื่อนๆ ของฉันได้เริ่มหันมาวิ่งกันอย่างจริงจังมากขึ้น พากันสรรหาอุปกรณ์มาเป็นของตัวเอง บ้างก็ถอยรองเท้าคู่ใหม่ ซื้อกระเป๋าคาดเอว จัดถุงเท้า performance socks จนทุกวันนี้ ใส่ Garmin กันทุกนางแล้วจ้ะ!!! แค่ไหนเรียกจริงจัง! ที่สำคัญ เรายังชวนกันสมัครงานวิ่งอย่างไม่ลดละ โดยใช้ความสนุกและความสะดวกเป็นเกณฑ์ในการเลือกงาน เพราะถ้าขาดสองสิ่งนี้ไป การวิ่งอาจจะเป็นการทรมานตัวเองเกินไปสำหรับมือใหม่ค่ะ งานที่เราไปกันมาก็อย่างเช่นงาน Rotary U-thong Mini Marathon ที่สุพรรณบุรี เน้นวิวสวย อากาศดี สดชื่น ของกินอร่อย เดินทางง่าย ใกล้กรุงเทพ งาน Run to The Rhythm ที่สวนหลวงร.9 ที่เดิม งานนี้วิ่งเสร็จเต้นต่ออีก 1 ชั่วโมง ปล่อยแก่กันอย่างเมามันค่ะ และงาน Watson Run ที่แจกสกินแคร์ใดๆ กันอย่างหมดหน้าตัก ถูกจริตสตรี เราก็ไปเข้าคิวรับของฟรีกันอย่างภาคภูมิใจ
อ้อ และถ้าเพื่อนคุณเป็นคนโสด อาจลองพิจารณางานวิ่งที่จัดโดยสายงานที่เรามุ่งหวังผลได้ค่ะ เช่น งานวิ่งของกองทัพบก ของตำรวจ (หวังผลสามีในเครื่องแบบ) ของโรงพยาบาล (หวังผลสามีหมอ) คณะวิศวกรรมมหาวิทยาลัยต่างๆ หรือโรงเรียนชายล้วนต่างๆ (เช่นงาน ชงโค รัน ของกรุงเทพคริสเตียน เป็นต้นค่ะ อิอิ)
ฉันคิดว่าเหตุผลที่เพื่อนๆ ของฉันไม่คิดถอนตัวจากการวิ่ง ก็น่าจะเหมือนกับเหตุผลของนักวิ่งทุกๆ คน คือยิ่งวิ่งยิ่งติดใจ เพราะการวิ่งมันทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งในด้านที่ดีและอ่อนแอ และมันสอนให้เรายอมรับสภาพและข้อจำกัดในปัจจุบันของตัวเอง เพื่อปรับปรุงแก้ไขไปทีละนิด ให้ดีขึ้นทีละหน่อย การออกไปวิ่งแต่ละครั้งมันเหนื่อย แต่ทุกครั้งที่วิ่งจบเราจะรู้สึกภูมิใจเสมอ แม้จะวิ่งไม่ได้ตามเป้า แต่ก็ยังภูมิใจที่อย่างน้อยก็ไม่ได้นอนอืดบนโซฟาเฉยๆ เหมือนเมื่อก่อน การวิ่งมันไม่ได้แค่เคลื่อนร่างกายเราไปข้างหน้า แต่มันพาชีวิตเราไปข้างหน้าทั้งยวง จิตใจ กายหยาบ กายละเอียด ต่างได้อัพเกรดกันทุกมิติ โอ๊ย บรรยายไม่หมดหรอกข้อดีน่ะ มันต้องมาลองเองจริงๆ นะของแบบนี้
และแม้ว่าเพื่อนๆ ของฉันจะเริ่มต้นกันที่ระยะน่ารัก 3 กิโลเมตร 5 กิโลเมตร แต่ขอโม้อีกหนึ่งกรุบว่า...
วันก่อนพวกนางได้อัพเวล สมัครระยะ 10 กิโลเมตรไปเรียบร้อยแล้วนะคะ กุมภาพันธ์ 2025 เจอกัน!!!
Comentarios