พรหมโลกเทรล 2024 งานเทรลที่หายทัน!
- คุณแหนด
- Dec 28, 2024
- 2 min read
16 พฤษภาคม 2024 เป็นนัดทำกายภาพบำบัดครั้งสุดท้าย ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ฉันควรมารับการรักษานะ แต่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนฉันจะหนีไปแข่งเทรลที่นครศรีธรรมราชค่ะ!
(บทความนี้จะเล่าให้ฟังทั้งทริปนะ เผื่อเป็นข้อมูลให้คุณได้ค่ะ)
ตลอด 2 สัปดาห์ตั้งแต่เกิดอาการกล้ามเนื้อสะโพกและหลังล่างอักเสบจนเดินไม่ได้ ฉันปฏิบัติตัวเป็นศิษย์โนหนึ่งของคลินิกกายภาพมากค่ะ เพราะไม่อยากโดนเฉือนอย่างที่หมอขู่ และเพราะเชื่อมั่นในการรักษาด้วยกายภาพบำบัดมากกว่าการผ่าตัด (แล้วแต่กรณีไปนะคะ) ซึ่งในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่ 2 ฉันเดินได้แทบจะปกติแล้วค่ะ ฉันลองไปเดินขึ้นภูเขาแถวบ้านดู ก็ปรากฎว่าไม่เจ็บปวดแต่อย่างใด แต่ยังไม่ได้ลองวิ่งนะ ทั้งวิ่งทางราบและวิ่งบนเขา แค่ไปเดินขึ้นๆ ลงๆ ให้กล้ามเนื้อขาและสะโพกมันได้ถูกกระตุ้นบ้าง
จนถึง 23 พฤษภา วันออกเดินทาง ฉันยังไม่รู้เลยว่าตกลงตัวเองวิ่งได้รึยัง เง้อ...แต่มันต้องไปแล้วค่ะ! จ่ายตังค์ไปหมดแล้วทุกสิ่ง!! มา เดี๋ยวจะเล่าการเดินทางให้ฟัง
ถ้าคุณอยู่กรุงเทพฯ การเดินทางไปนครศรีธรรมราชนั้นสะดวกสุดๆ บินปื้ดเดียวถึง แต่ถ้าไม่บินก็นั่ง (นอน) รถไฟไปได้เหมือนกัน แต่จะมีข้อจำกัดนิดหน่อย เพราะสถานีรถไฟสุดฮิตของที่นี่คือ ชุมทางทุ่งสง ซึ่งไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช แต่กระเถิบออกมาประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร จริงๆ ในตัวเมืองก็มีสถานีรถไฟค่ะ แต่ไม่ค่อยฮิต เอาง่ายๆ รถจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ไปชุมทางทุ่งสงมีวันละ 8 ขบวน แต่ถ้าไปสถานีนครศรีธรรมราชมีแค่วันละ 1 ขบวนเองจ้า จากทุ่งสง คุณจะต่อรถไฟไปสถานีนครศรีธรรมราชก็ได้ค่ะ แต่รถมีแค่วันละรอบ ตอน 8:40น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง แต่พวกเราเลือกเช่ารถขับ และนัดรับรถกันที่สถานีทุ่งสงไปเลยค่ะ ฉันว่าวิธีนี้สะดวกสุดแล้ว รถเช่าที่นี่หาง่ายและคุณภาพดี บริการก็ดีสุดๆ ค่ะ พวกเราใช้ของบริษัท รถเช่านครศรีธรรมราช โดยจองผ่านเว็บไซต์ drivehub.com (ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ ค่ะเขียนให้ด้วยความประทับใจล้วนๆ)
สำหรับใครที่ยังไม่เคยนั่งรถไฟตู้นอน ฉันว่ามันโอเคมากเลยนะ ขนาดพวกเรานั่งตู้แอร์ชั้น 2 ไม่ไฮโซเท่าชั้น 1 แต่ก็นับว่าสบายอยู่ค่ะ เตียงชั้นล่างอาจจะกว้างกว่าชั้นบนหน่อย และมีหน้าต่างให้ดูวิว แต่ฉันว่าข้างบนก็นอนหลับสบายดีนะ ไม่มีแสงข้างนอกรบกวน แต่ครั้งแรกๆ อาจจะนอนหลับยากหน่อย เพราะมันจะโยกเยกตลอดเวลา แถมในขบวนรถเขาจะเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืน คุณควรพกที่ปิดตาและที่อุดหูไปด้วย เวลานอนก็ตัวใครตัวมันค่ะ ทุกคนจะอยู่หลังผ้าม่านของตัวเอง แต่บางคนขี้ร้อนหน่อยอาจจะเปิดม่านนอน ก็ไม่ต้องตกใจนะ แหะๆ แต่ถ้าคุณกะจะนอนตื่นสาย อันนี้เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะประมาณตี 4 ทีมพ่อค้าแม่ค้าก็จะขึ้นมาขายของบนขบวนรถกันแล้วค่ะ คุณจะต้องตื่นด้วย "น้ำมั้ยครับ กาแฟมั้ยครับ" หรือ "ก๋วยเตี๋ยวมั้ยจ๊า ไก่ทอดมั้ยจ๊า" หรือ "ข้าวเกรียบร้อนๆ ซื้อฝากกันเลยจ้า" แล้วตี 5 กว่าพนักงานก็จะมาเชิญคุณออกจากเตียงเพื่อเก็บที่นอนและจัดการปรับเบาะเป็นเก้าอี้นั่งเหมือนเดิมค่ะ


เอาล่ะ แล้วเราก็มาถึงชุมทางทุ่งสงกันแต่เช้า จริงๆ อำเภอทุ่งส่งเองก็มีอะไรน่ารักเก๋ไก๋เยอะอยู่นะ ถ้ามีเวลาฉันก็อยากกลับไปซ้ำอำเภอนี้อีกค่ะ เอาจริงนครศรีธรรมราชคือสวยทั้งเมืองในสายตาพวกเราแหละ เห็นแล้วแทบจะอยากย้ายบ้านไปอยู่ ธรรมชาติที่นี่โคตรฟิน ภูเขาแต่ละลูกเหมือนคนเล่นกล้ามกินเวย์มาหลายพันปี แน่นเป็นมัดๆ แถมยังเขียวชอุ่ม เราแวะกินกาแฟกันแป๊บนึงให้พอตื่น แล้วก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่พัก ซึ่งอยู่ในอำเภอพรหมคีรี อำเภอสุดฟินอีกหนึ่งที่ที่ได้รับการขนานนามว่ามีอากาศบริสุทธิ์ที่สุดในประเทศไทย! (แค่คิดก็รูจมูกบาน อยากจะสูด)
ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า (แวะกินและแวะเรื่อยเปื่อยตามทาง) เราก็มาถึง The Box Promkiri ค่ะ ที่นี่เป็นโรงแรมเล็กๆ เล็กจริงๆ ในอำเภอพรหมคีรี ดูแลโดยคุณพี่คู่สามีภรรยาน่ารักและโคตรใจดี (ฉันได้กินน้ำเงี้ยวฝีมือคนใต้ด้วยนะ พี่เขาทำเลี้ยง ลำแต๊ๆ เจ้า อิอิ) คุณพี่ผู้ชายเป็นสถาปนิกและสอนในคณะสถาปัตย์อยู่หลายปี ก่อนจะกลับมาบ้านเกิดและมาเปิดโรงแรมแห่งนี้ ห้องพักที่นี่จึงโคตรเท่และอยู่สบายค่ะ




ปกติเวลาไปงานวิ่งต่างจังหวัด ฉันกับสามีจะไปถึงล่วงหน้า 2 วัน และอยู่ต่ออีก 1 วันหลังจบงานค่ะ ที่ไปถึงก่อนเพราะอยากไปซึมซับบรรยากาศของสถานที่ และที่อยู่ต่อเพราะหมดสภาพ กลับไม่ไหว ขอนอนต่อสบายๆ อีกคืน วันแรกที่ไปถึงเราจึงออกไปสำรวจรอบๆ ที่พักกันและถือโอกาสวิ่ง shake out run ไปด้วยเลย (สามีนะ ฉันน่ะไม่มีอะไรให้ shake เลยค่ะ) และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้วิ่งจริงจังในรอบเกือบ 20 วัน ซึ่งสรุปว่า วิ่งได้ ไม่เจ็บอะไรแล้ว...แต่ยังวิ่งแค่ช้าๆ บนถนนเรียบๆ นะ ไม่รู้บนทางเทรลจะเป็นไง
พอถึงวันรับ Bib (หมายเลขประจำตัวนักวิ่ง) เราก็ไปที่สถานที่จัดงาน บรรยากาศน่ารักเป็นกันเองค่ะ และฉันประทับใจผู้จัดทีมนี้มาก ดูเป็นแก๊งหนุ่มใต้ผู้จริงใจ อธิบายทุกอย่างแบบโคตรละเอียดเหมือนอยากให้เราสนุกกับเส้นทางที่เขาตั้งใจวางกันไว้จริงๆ งานนี้ฉันลงแค่ระยะ 12 กิโลเมตร แต่สามีลง 26 กิโลเมตร คือจะลงระยะเดียวกันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเพราะเขาไปเร็วกว่าฉันเท่านึงอยู่แล้ว (ชิ...ขายาวนักนิ #เบะปาก)
อ้อ งานนี้ถ้าคุณลงระยะ 50 กิโลเมตรคุณจะได้วิ่งผ่านวัดไปให้พระท่านพรมน้ำมนต์ รับพรก่อนวิ่งขึ้นยอดเขามหาชัยด้วยนะคะ ฉันเห็นภาพถ่ายของปีก่อนหน้าคือนักวิ่งต้องวิ่งไปรับพรไปค่ะ หยุดไม่ได้เดี๋ยวเวลาไม่ดี ส่วนพระท่านจะคอยสะบัดน้ำมนต์ตามให้ทัน น่ารักมากซีนนี้ คิดได้ไง
สรุป ณ ตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าตัวเองจะวิ่งขึ้นลงเขาได้รึยัง...
เช้าวันงาน คุณพี่เจ้าของโรงแรมเตรียมขนมปังไว้ให้เรากินกันแต่เช้ามืดค่ะ ที่โรงแรมมีนักวิ่งมาพักเหมือนกัน เราเลยมีเพื่อนร่วมชะตากรรม ส่วนฉันเหมือนจะได้ฟาดเคราะห์ตั้งแต่ตี 4 เพราะเดินๆ อยู่เสือกไปเหยียบผึ้งที่ไม่รู้ทำไมไปนอนอยู่บนผ้าเช็ดเท้า โถ๊ะ ตำเข้ากลางฝ่าตีนสิคะ เจ็บชิบหาย! แต่กำลังจะขึ้นรถแล้วทำไงได้ ก็ไปมันทั้งงั้นแหละ อัพเวลความพิการเข้าไปอีก!!
ที่เส้นชัย ฉันยืนไม่มั่นใจอยู่ท่ามกลางหมู่มวลนักวิ่งผู้ดูมีประสบการณ์มากกว่าเช่นเคย แต่อย่างน้อยงานนี้ฉันก็ไม่ได้ใส่รองเท้าวิ่งถนนมาลงเทรลแล้วนะคะ มีพัฒนาการ! อุปกรณ์ก็พร้อมขึ้นหลายร้อยเท่าค่ะ ฉันมาพร้อมเป้น้ำ Salomon Active Skin 8 พร้อมขวดน้ำนิ่ม 2 ใบ เจล 2 แพ็ค อิเล็กโทรไลท์เม็ด 1 ห่อ ไม้โพล Leki รุ่น Evotrail FX One และรองเท้า hybrid ที่วิ่งได้ทั้งถนนและเทรล Reebok Floatride Energy 5 Adventure (จริงๆ มันเหมาะกับเทรลที่เบากว่านี้ค่ะ แต่ก็ดีกว่า Saucony Kinvara 11 แหละน่ะ!) ดูมีสติปัญญากว่าการแข่งครั้งแรกมาก แถมยังมีการแมทช์สีสปอร์ตบรากับหมวกและรองเท้าให้เข้ากันอีกด้วย เป็นงาน!!! ส่วนการซ้อมนั้นยังขาดอยู่ค่ะเพราะเดินไม่ได้ไป 2 อาทิตย์ แต่ใจมาเต็ม!
จนเมื่อเราออกตัวจากจุดสตาร์ท วิ่งไปตามถนนดินจนไปถึงเนินเขาแรก และวิ่งลึกเข้าป่าไปเรื่อยๆ ปีนก้อนหิน ลุยน้ำตก ข้ามขอนไม้ ขึ้นเนิน ลงเนิน...นั่นแหละ ฉันถึงรู้ว่า ฉันวิ่งได้! วิ่งจนจบ 12 กิโลเมตรนิดๆ แบบไม่มีอาการเจ็บและไม่มีอะไรบุบสลายเพิ่ม
ถ้าจะให้บรรยายเส้นทางวิ่งของงานพรหมโลกเทรลครั้งนี้ ฉันบอกตรงๆ ว่าจำไม่ได้ละเอียดเหมือนกับงานแรก (Phuket Trail 2023) เขาว่ากันว่าครั้งแรกมักจะประทับใจไม่รู้ลืม น่าจะจริง แต่โดยรวมคือเส้นทางที่นี่ฉันว่าเป็นที่สุดของธรรมชาติภาคใต้บ้านเรา ตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงเส้นชัยมันคือคำว่า "ชุ่มฉ่ำ" ค่ะคุณ เราจะได้วิ่งอยู่ในละแวกของน้ำตกพรหมโลก เข้าไปในป่าที่แน่นฟู ได้เห็นใบไม้สีเขียวหลากหลายเฉด บางใบใหญ่แบบห่อตัวฉันได้เลยคุณ มีก้อนหินยักษ์ใหญ่ให้ปีนข้าม มีน้ำตกและลำธารใสๆ มากมายไหลผ่านเป็นระยะ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าฝนตกมั้ย อาจจะมีบ้างปรอยๆ แต่มันไม่รู้สึกร้อนแบบทรมานอะไรเลย ทั้งที่เป็นเดือนพฤษภาคม ยิ่งเวลาขึ้นไปถึงยอดเขาลมจะพัดโบก สุดแสนจะสบายจนไม่อยากลง แถมวิวข้างบนก็โคตรดี งานนี้ฉันไม่ฟังเพลงเลยค่ะ เพราะอยากฟังเสียงธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ ระยะ 12 กิโลเมตรเส้นทางไม่ได้โหดร้ายมาก เรายังคงต้องระวังรากไม้ต่างๆ บนพื้นและเถาวัลย์บนหัว และทางยังคงเป็นโคลน แต่มันฟินมากคุณ ฉันไม่ได้นึกถึงความเหนื่อยเลย เพราะมันสวยมากจริงๆ



ไฮไลท์อีกอย่างของงานนี้ก็คือเส้นชัยนั่นแหละค่ะ ผู้จัดเขาออกแบบเส้นทางให้นักวิ่งทุกคนต้องเปียก คือก่อนถึงเส้นชัยคุณต้องข้ามลำธารที่กว้างหลายเมตรอยู่ ซึ่งถ้าเดินเหยียบก้อนหินดีๆ ไม่พลาดตก ความลึกของน้ำก็ประมาณครึ่งหน้าแข้ง แต่ถ้าพลาดจากแถวก้อนหินลงไปที่พื้นก็เกือบสะโพกค่ะ แค่นั้นไม่พอ ซุ้มเส้นชัยที่คุณต้องเดินลอดเขามีสายน้ำพ่นออกมารอบทิศทางตลอดเวลา ไม่เปียกไม่ได้ค่ะ แต่ฉันว่าดีนะ มันสดชื่นและยังเป็นการล้างโคลน ล้างซวย ล้างอะไรใดๆ ที่เราเปื้อนมาตลอดทาง ไม่พอ...ข้างๆ เส้นชัยมีลำธารใสแจ๋ว น้ำเย็นสดชื่น ประหนึ่งว่าเป็น ice baht บำบัดกล้ามเนื้อเบาๆ บรรดานักวิ่งที่วิ่งจบแล้วพากันลงไปนอนแช่ แผ่ร่างกันตามโขดหินเหมือนปลาดาวหมดสภาพ นอกจากนักวิ่งแล้วบรรดาลูกๆ หลานๆ นักวิ่งก็ลงไปกระโดด ดำผุดดำว่ายกันเป็นที่ครึกครื้น มันดีมากและน่ารักมากๆ คุณ


ฉันเองก็คือหนึ่งในปลาดาวนั้นแหละ ระหว่างรอสามี ฉันลงไปนอนแช่ในลำธารอย่างโคตรมีความสุข ยึดเอาก้อนหินใหญ่ก้อนนึงเป็นเตียง รอไปประมาณ 40 กว่านาทีสามีก็วิ่งข้ามลำธารสุดท้ายมา เขามาถึงแบบหมดสภาพมาก พูดแทบไม่เป็นคำ ฉันพอจับใจความได้ว่า
"วิ่งมาไม่เห็นใครเลย เขาเข้าเส้นชัยกันหมดแล้วใช่มั้ย"
แล้วเขาก็ลงไปนอนแผ่เป็นปลาดาวสิ้นสภาพอีกตัวในลำธาร ไม่พูดไม่จาใดๆ น่าจะหมดแรงจริง เพราะงานนี้เป็นงานเทรลงานแรกของเขา ปกติเขาไม่เคยวิ่งไกลเท่านี้และชันเท่านี้ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าระยะ 26 กิโลเมตรเขาเข้าเส้นชัยกันไปกี่คนแล้ว เพราะไม่ได้ตั้งใจฟังประกาศ มัวแต่นอนชมนกชมไม้ จนซักพักเสียงคุณพิธีกรลอยมา "ขอเชิญคุณ ..... ที่เวทีด้วยค่ะ เตรียมรับรางวัลนะคะ" ฉันแบบ ห๊ะ!!?? ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง หันไปดูสามี หูน่าจะบอดไปเรียบร้อยไม่ได้ยินเสียงใดในสากลโลกทั้งสิ้น ฉันเลยปีนขึ้นจากน้ำไปถามคุณพิธีกรว่าเรียกสามีฉันใช่ไหม ได้รับคำตอบว่า "ใช่ค่า เข้าลำดับที่ 4 ในรุ่นอายุ มารับถ้วยนะคะ" ฉันเลยบอกไปว่า เขาอยู่ในน้ำค่ะ ขึ้นมาไม่ไหว!! พิธีกรก็น่ารักประกาศออกไมค์ให้ว่าคุณพอลแช่น้ำอยู่ หรือจะเอารางวัลไปมอบในลำธารดี!
สรุปที่วิ่งมาแล้วไม่เห็นใคร ก็เพราะวิ่งแซงคนอื่นเขามาตลอดทางนั่นแหละพ่อคุ๊ณ

สรุปแล้วงานนี้ฉันใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงกับอีก 7 นาที ได้ระยะทาง 12.55 กิโลเมตร ระยะไต่รวม 450 เมตร ไม่เจ็บ ไม่เดี้ยง ไม่มีอะไรบุบสลาย ถือว่าการตั้งใจทำกายภาพบำบัดอย่างเคร่งครัดนั้นช่วยฉันได้จริง และยังทำให้ฉันแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยนะ หลังแข่งเสร็จฉันกลับไปหานักกายภาพเพื่อติดตามอาการ พอบอกว่าไปวิ่งเทรลมานางถึงกับตกใจ แต่ก็ดีใจกับฉันด้วย ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงไปทำกายภาพอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้บาดเจ็บหนักแล้วก็ตาม ฉันเน้นไปฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังซ้อมวิ่ง (ฉันวิ่งสัปดาห์ละ 4 วัน เวท 2 วัน) หรือถ้าเริ่มมีอาการปวดหรือตึงตรงไหนฉันจะรีบขอให้นักกายภาพจัดการก่อนที่มันจะลุกลาม หรือไม่ก็ไปนวด sports massage เพื่อคลายกล้ามเนื้อ หลายคนเข้าใจว่ากายภาพบำบัดใช้กับคนอาการหนักเท่านั้น แต่จริงๆ เราสามารถใช้มันเป็นการประคองสังขารได้เช่นกันค่ะ
หลังแข่งเสร็จ เราพักผ่อนที่โรงแรมต่ออีก 1 คืน วันรุ่งขึ้นจึงขับรถจากอำเภอพรหมคีรีไปทุ่งสง พนักงานของบริษัทรถเช่ามารับรถคืนจากเราตามเวลาที่นัด และเราก็ขึ้นรถไฟกลับบ้านค่ะ เที่ยวนี้หลับเป็นตาย จะขายก๋วยเตี๋ยว หม้อแกง สาหร่ายใดๆ ฉันก็ไม่ตื่นเลยค่ะ
สุดท้าย ถ้าคุณเจ็บอยู่ ฉันอยากบอกว่า กายภาพบำบัดช่วยคุณได้จริงๆ ค่ะ แต่คุณต้องเชื่อฟังนักกายภาพด้วยนะ และถ้าคุณกำลังมองหางานวิ่งเทรลสวยๆ อากาศดีๆ ฉันแนะนำ พรหมโลกเทรล นะคะ ปี 2025 นี้จะจัดเป็นครั้งที่ 3 แล้ว วันที่ 15 มิถุนายนจ้า
Comments