top of page

ความหลากหลายทางเพซ

  • คุณแหนด
  • Dec 12, 2024
  • 1 min read

Updated: Dec 12, 2024

• เพซฉันเองค่ะ นี่วิ่ง tempo แล้วนะคะ จริงๆ ต้องวิ่งเพซ 7:15 สลับกับ 8:25 ให้ได้ 6 รอบ ทำได้แค่ 3 ค่ะ ใจไม่มา
• เพซฉันเองค่ะ นี่วิ่ง tempo แล้วนะคะ จริงๆ ต้องวิ่งเพซ 7:15 สลับกับ 8:25 ให้ได้ 6 รอบ ทำได้แค่ 3 ค่ะ ใจไม่มา

วันนี้ฉันไปวิ่งมาค่ะ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เทมโป กลายเป็น เทมโป๊ะ เพราะในสมองมันวนเวียนนึกถึงแต่คำพูดที่นักวิ่งมากประสบการณ์ท่านหนึ่งเคยพูดกับฉัน ตอนนั้นฉันบอกเขาว่าฉันจะวิ่ง long run ระยะทาง 10 กิโลเมตร ด้วยเพซ 8 (คือ 8 นาทีต่อ 1 กิโลเมตร) นักวิ่งท่านนั้นตอบฉันว่า...


"ฮะ! นี่วิ่งหรือเดิน!?!?"


ประโยคนี้แหละที่หลอกหลอนอยู่ในหัวฉันแบบสลัดไม่ออก ฉันคงจะสกิลล์ต่ำเองด้วยเลยเขี่ยมันออกจากสมองไม่สำเร็จ การวิ่งวันนี้ก็เลยเต็มไปด้วยความท้อแท้ ไม่มีแรงฮึด พาลให้ทำความเร็วไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ (ไม่ได้เร็วไปกว่า เพซ 8 เท่าไหร่หรอกคุณ) และรู้เลยว่าขามันหมดกะใจจะวิ่งทั้งๆ ที่จริงๆ ปอดกับหัวใจยังไปไหว สุดท้ายฉันเลยเดินเอาจนครบระยะ ดูผลแล้วสรุปวิ่ง 49 นาที เดิน 26 นาทีเชียว ตอนเดินไปก็คิดด้วยไปว่า เจ็บใจนัก!! เดี๋ยวกลับถึงบ้านจะต้องมาเขียนบล็อกเรื่องนี้ให้ได้! คิดชื่อเรื่องได้แล้วด้วย!! ฮึ!!!


ที่อัดอั้นตันใจมากก็เพราะฉันคิดว่ามันเป็นคำพูดที่...แม้จะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่มันส่งผลร้ายเกินคาด มันเป็นคำพูดประเภทที่คนพูดไม่ได้คิดอะไรมาก หรืออาจไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ทำให้คนฟังโคตรคิดมาก โดยเฉพาะคนจิตอ่อนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองอย่างฉัน ฉันจำได้ว่าตอนนั้นกระอักกระอ่วนใจมาก แต่ก็ยังจะอึกอักพูดออกไปอีกนะว่า...


"ถ้าเร่งๆ หน่อยก็เพซ 7 พอได้ค่ะ"


แต่ในความเป็นจริง ทำไมฉันจะต้องเร่งด้วยล่ะคะ ในเมื่อเพซ 8 เป็นเพซที่ฉันวิ่งแล้วกำลังดี สามารถประคองตัวไปได้จนครบระยะที่ต้องการ ที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปก็เพราะรู้สึกประหม่าว่าเพซ 8 ของฉันเป็นเพซที่น่าอายนั่นเอง


แต่ในความเป็นจริง...(อีกครั้ง) ฉันอยากบอกว่า


ไม่มีเพซไหนน่าอายทั้งนั้นค่ะ!


เพราะอะไรน่ะหรือ...


อันดับแรกนะคะ แค่คนๆ หนึ่งขุดตัวเองให้ลุกขึ้นมาวิ่ง แค่เขา show up ใส่รองเท้า เปิดประตูก้าวออกจากบ้านได้ แค่นี้ก็ไม่มีอะไรน่าอายแล้ว แถมยังน่าชื่นชมด้วยซ้ำ


อันดับที่สอง การวิ่ง โดยเฉพาะการซ้อม (ที่ไม่ใช่การแข่งขัน) ทุกก้าวมันคือการเอาชนะตัวเอง ต่อสู้กับตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย และมันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นด้วย เราไม่ได้ถูกปืนจ่อหัวให้ออกมาวิ่ง แต่ที่เราออกมาเพราะเราอยากมาเอาชนะตัวเก่า อยากเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น ดังนั้นแค่เราก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หยุดก็ไม่มีอะไรน่าอายแล้วค่ะ แถมยังน่าให้กำลังใจด้วยซ้ำ


อันดับที่สาม การเดิน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ร่างกายเราไม่ได้พร้อมเท่ากันทุกวัน เราไม่ได้เป็นนักกีฬาอาชีพที่ต้องทุ่มเทให้การซ้อมวิ่งเป็นหลัก เรามีหน้าที่ความรับผิดชอบ มีงานที่ต้องทำ มีลูกที่ต้องเลี้ยง มีเมนส์ มีโรคประจำตัว มีคนที่ต้องดูแล มีหนี้ที่ต้องจ่าย มีอะไรๆ อีกสารพัด ถ้าวันไหนเราวิ่งแล้วเหนื่อย เราจะเดินบ้างมันก็ไม่ได้น่าภูมิใจน้อยลงตรงไหนเลยค่ะ ก็เราหมดพลังไปกับชีวิตด้านอื่นๆ แล้วนี่คะ



• นี่ของฉันคนเดียวนะคะ หลากหลาย ต่างกันไปแล้วแต่เคราะห์กรรมแต่ละขณะ


อันดับที่สี่ เราไม่มีวันรู้เลยว่านักวิ่งที่มาวิ่งให้เราเห็นนั้น ก่อนหน้านั้นเขาเจออะไรมาบ้าง หรือกำลังเจออะไรอยู่บ้าง หรือวิ่งเสร็จแล้วเขาต้องกลับไปเผชิญอะไรบ้าง บางครั้งสภาพจิตใจเขาอาจกำลังตกต่ำ และการวิ่งอาจจะเป็นทางเดียวที่ช่วยเขา (ฉันเอง) ได้ หรือเขาอาจจะเพิ่งหายจากข้อเข่าเสื่อม เพิ่งฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วย ดังนั้นไม่ว่าเราจะเห็นใครจะวิ่งช้า หรือวิ่งเร็ว หรือเดิน หรือหยุดพัก มันก็ไม่ใช่เหตุผลให้เราใช้ตัดสินอะไรได้เลยค่ะ


อันดับที่ห้า การวิ่งเป็นกีฬาที่ใช้ความทนทาน (endurance) ซึ่งมันต้องค่อยๆ ใช้เวลาสร้างและสั่งสม คนที่วิ่งใหม่ๆ ถ้าจะวิ่งให้ได้นานย่อมวิ่งได้ช้า ส่วนคนที่ซ้อมมานานหลายปี ย่อมสามารถวิ่งได้เร็วกว่าในระยะทางที่เท่ากัน มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการหยอดกระปุกสะสมพลังงาน ความอึด และ stamina ของแต่ละคน การที่เราเป็นนักวิ่งหน้าใหม่แล้ววิ่งช้า ไม่ใช่เรื่องน่าอายตรงไหนเลยค่ะ วิ่งๆ ไปมันจะค่อยๆ เร็วขึ้นได้เองทีละนิด


อันดับสุดท้าย ขาเราไม่ได้ยาวเท่ากันทุกคนนี่คะ สรีระมีผลกับเพซในการวิ่งนะ คนขายาว ช่วงก้าวย่อมยาวกว่า ต่อให้ออกแรงไม่มากก็ได้ความเร็วมากกว่าคนขาสั้นค่ะ ถ้าจะวิ่งให้ได้เพซเท่ากัน คนขาสั้นจะต้องก้าวให้ไกลและก้าวให้ถี่กว่าคนขายาว ใช้พลังงานมากกว่ากันเยอะนะคะ คุณลองนึกภาพหมาไส้กรอกขาสั้นกุดวิ่งแข่งกับหมาเกรย์ฮาวด์เอาละกัน คุณว่ามันจะไล่กันทันมั้ย? แล้วเจ้าหมาไส้กรอกมันวิ่งสุดแรงของมันแล้ว แต่มันได้เพซแค่นั้น คุณจะว่ามันไม่เก่งมั้ยล่ะ? ในขณะที่เจ้าหมาเกรย์ฮาวด์มันแค่วิ่งเหยาะๆ ก็แซงไส้กรอกไปไกลลิบ เพราะขามันยาวกว่า 5 เท่า แบบนี้แปลว่ามันเป็นนักวิ่งที่ดีกว่ารึเปล่า?


ฉันไม่ได้บอกว่าคนวิ่งเร็วไม่ใช่คนวิ่งเก่ง อย่าเพิ่งหลงประเด็นนะคะ ไม่อยากทัวร์ลง ฉันกำลังพยายามบอกว่า...

เพซ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ต่างหากค่ะ


เราแต่ละคนมีเพซที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยตามที่ว่ามาข้างต้น คนตัวสูงขายาว อาจวิ่ง easy ที่เพซ 5 แต่คนขาสั้นอาจวิ่งที่เพซ 8 หรือคนขายาววิ่ง interval เร็วสุดที่เพซ 3 แต่คนขาสั้นอาจอยู่ที่เพซ 5 มันเป็นเลขของใครของมัน และเราไม่สามารถเอาตัวเลขเพซเพียงอย่างเดียวมาเป็นเครื่องวัดว่าใครเป็นนักวิ่งที่ดีหรือไม่ดี เก่งหรือไม่เก่ง และเราไม่สามารถทึกทักเอาว่าถ้าเราวิ่งเพซนี้ได้ คนอื่นจะต้องวิ่งได้เหมือนกัน แน่นอน ทุกคนสามารถตั้งเป้าและซ้อมเพื่อเพิ่มความเร็วของตัวเอง และไปให้ถึงเพซที่ต้องการได้ คนขาสั้นก็วิ่งเพซ 3 หรือ 2 ปลายได้แน่นอน แต่ก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายส่วนบุคคลด้วยว่าเขาอยากจะเร็วขนาดนั้นมั้ย หรือถ้าเขาพอใจจะวิ่งที่เพซ 5 มันก็เรื่องของเขาค่ะ


ไปวิ่งคราวหน้า ถ้าเห็นใครวิ่งช้า ก็อย่าเพิ่งรีบคิดว่าเขาไม่เก่ง หรือเห็นใครวิ่งเร็วกว่า ก็อย่าเพิ่งไปรีบอาย หรืออิจฉา หรือเสียกำลังใจนะคะ เราทุกคนมีเพซที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละช่วงเวลา เคารพเพซของตัวเรา เคารพเพซของคนอื่น เคารพความหลากหลายทางเพซของกันและกัน แล้วการวิ่งจะมีความสุขขึ้น (บอกตัวเองนี่แหละฉันน่ะ)


และสำคัญสุดของวันนี้...อย่าให้คำว่า "นี่วิ่งหรือเดิน?" ออกจากปากเลยนะคะ ฟังแล้วมันเจ็บ!!







Comments


ใช้ตีนคิด

think with your feet

  • strava
  • Instagram

© 2035 by Poise. Powered and secured by Wix

bottom of page