top of page

Run to The Rhythm วิ่งเต้นเล่นเอาป่วย!

  • คุณแหนด
  • 4 days ago
  • 2 min read

คือสมัยวัยรุ่นน่ะ ฉันกับเพื่อนชอบการเต้นบ้าๆ บอๆ เวลามีงานรับน้องของมหาลัยมาก มากแบบว่า เรียน 4 ปีทำงานรับน้องทุกปี เรียนจบแล้วก็ยังแวะไปเต้นโชว์แก่ ส่วนเพลงที่เต้นก็เป็นเพลงบ้าๆ บอๆ ไม่แพ้กัน เช่นเพลงล้างหม้อ (?) เพลงแจวเรือ อะไรอย่างนี้ ไม่มีสาระแต่เราเชื่อว่าช่วยกระชับความสัมพันธ์ (???) ดังนั้น เมื่องานวิ่งนี้เค้าบอกว่า วิ่งเสร็จเต้นต่อ...อุ๊ย อีสมาคมศิษย์เก่าเหล่านี้ รวมตัวสิจ๊ะ


งานนี้จัดที่สวนหลวงร.9 ค่ะ นับว่าเป็นงานที่เสื้อสวย คุมโทนขาว ดำ ส้ม เรียบๆ ผ้าก็ใส่สบาย และเหรียญยังน่ารักกิ๊บเก๋ เป็นรูปมนุษย์กำลังแด๊นซ์และหมุนเอวติ้วๆ ได้อีกตะหาก แถมใครสมัคร early bird ยังแจกผ้าเช็ดหน้าลายเข้ากันกับเสื้ออีก ฉันว่าปีหน้ามีอีกก็ไปอีกค่ะ


พูดถึงการวิ่งบ้าง (เถอะ) งานนี้เค้ามีระยะให้เลือกคือ 5 โลกับ 10 โล เราจะลง 10 โลให้เหนื่อยทำไมคะ เดี๋ยวไม่มีแรงเต้นจ้ะ 5 โลสิคะคือเป้าหมาย จบให้ไวแล้วมา standby จับจองจุดเต้นหน้าฮ้านของเราค่ะ! ผู้จัดเค้ายังบอกอีกนะว่าเต้นๆ ไปจะมีการแจกของด้วย ยืนแถวหลังไม่ได้เด็ดขาดค่ะ ส่วนรูทวิ่งก็คือรูทสุดคลาสสิกของสวนหลวงร.9 ถ้าใครเคยไปงานวิ่งที่สวนนี้ ฉันว่าส่วนมากจะวิ่งรูทเดียวกันแหละ ซึ่งฉันและเพื่อนเคยวิ่งที่สวนนี้มาแล้ว จึงไม่ได้ซีเรียสอะไรกันมาก วิ่งให้จบๆ ก็พอ เรื่องเต้นสิคะคือหัวใจ


ฉันก็ไม่รู้ว่าความอยากเต้นกับของฟรีมันมีผลแค่ไหนนะ แต่วันนั้นจากปกติฉันวิ่ง 5 โลที่เพซ 7:15 นาที/กม. ซึ่งเป็นเพซที่ซ้อมมา เพราะเป็นคนไม่เคยวิ่งแตะเพซ 6 เลย เต่ามาก แตะก็แตะได้แป๊บเดียว เหนื่อย แต่วันนั้นสงสัยความทรงจำงานรับน้องจะดลใจ กดไป 6:40-7:00 ค่ะ วิ่งเร็วกว่าปกติ เหนื่อยมากกว่าปกติด้วย แต่กัดฟันวิ่งไปจนจบ วิ่งไม่รอเพื่อนเลย กะว่าเจอกันหน้าเวที ตอนวิ่งจำได้ว่าร้อนมากกก ร้อนเหมือนหน้าจะระเบิด แต่ก็อัดสุดพลังจนเข้าเส้นชัย ได้ PB (Personal Best) อีกตะหาก! งานนั้นฉันใช้เวลาไป 35:14 นาที เพซเฉลี่ย 6:44 นาที/กม. อากาศวันนั้น 28 องศา (แต่เครื่องในฉันคาดว่าสุกพร้อมเติมน้ำส้มสายชูแล้วทานค่ะ)


• อยากเต้นมาก ตั้งใจวิ่งทะลุเพซที่ซ้อมมา
• อยากเต้นมาก ตั้งใจวิ่งทะลุเพซที่ซ้อมมา
• ไม่กล้าเขียนในบทความ แต่มาแอบบอกในนี้ว่าเหนื่อยแทบขาดใจ แบบตอนเข้าเส้นชัยฉี่แทบเล็ดค่ะ
• ไม่กล้าเขียนในบทความ แต่มาแอบบอกในนี้ว่าเหนื่อยแทบขาดใจ แบบตอนเข้าเส้นชัยฉี่แทบเล็ดค่ะ
• เหรียญมนุษย์เต้น ท่อนล่างหมุนติ้วๆ ได้ด้วยนะ ตอนจบงานมีคนเต้นจนเหรียญเอวขาด ท่อนล่างหล่นอยู่ที่พื้น
• เหรียญมนุษย์เต้น ท่อนล่างหมุนติ้วๆ ได้ด้วยนะ ตอนจบงานมีคนเต้นจนเหรียญเอวขาด ท่อนล่างหล่นอยู่ที่พื้น

โห ดีใจสิคะ อีแหนดวิ่งเพซ 6 ได้แล้วค่ะ! ดีใจมาก ฉันทำได้ ดีใจจน...น้ำไม่ได้ดื่ม อาหารฟรีไม่ได้กิน อิเล็กโทรไลท์ไม่ได้จิบ เวย์โปรตีนที่เค้าแจกก็ไม่ได้รับ มัวแต่ตกแต่ง Strava ลงรูป เขียนบรรยายขอบคุณผู้จัด ชื่นชมเพซใหม่ของตัวเอง เซลฟี่กับเพื่อนๆ เรียกว่าดีใจขาดสติน่าจะถูกต้อง มารู้ตัวอีกที เอ๊า เค้าจะเริ่มเต้นแล้วค่ะ ไปค่ะๆๆๆ หน้าเวทีโลด


แล้วฉันกับเพื่อนก็ไปยืนยิ้มโชว์ตีนกาและหนังหน้ามันๆ กันหน้าเวทีอย่างพร้อมเพรียง วิญญาณงานรับน้องลงสิงร่างอย่างเป็นทางการ


ลองนึกสภาพเวทีแอโรบิคสวนลุมนะคะ อารมณ์มันคล้ายๆ แบบนั้นแหละ คือมีเวทีสูงๆ และมีครูเต้นนำบนเวที แต่ว่าครูไม่ได้ใส่ชุดแอโรบิคนะ บางคนก็แนว hip-hop บางคนก็ street ส่วนเพลงที่เปิดก็มีหลากหลาย ฟาดตั้งแต่ยุค 90 อย่างบาซู (เกิดทันมั้ย?) จนถึง BlackPink หมอลำก็มา บางเพลงเต้นคนเดียวไม่ได้ต้องไปเอาคนข้างๆ ใครก็ไม่รู้มาต่อตัว เป็นงานกลุ่ม ทีมเวิร์ค เต้นๆ ไปครูก็จะโยนหมวกแจก มีทั้งหมวกแก๊ป หมวกบั๊คเก็ต คว้ามาได้แล้วก็เอามาใส่หัว บางคนใส่ซ้อนสองใบ ในขณะที่ฉันนี่คว้าไม่ทันซักที! แต่ก็เต้นค่ะ เต้นอย่างเดียวไม่พอนะคะ กรี๊ดด้วยค่ะ คือถ้าไดคัทเฉพาะตัวฉันกับเพื่อน แบบไม่ดูแบ็คกราวด์ จะนึกว่าเราใส่ชุดวิ่งไปเมาร้านเหล้ากันน่ะค่ะ สภาพประมาณนั้น เต้นย่อ เต้นโค้ง เต้นหมุน กระโดดตบ กระโดดเตะ รำเซิ้ง ครบทุกกระบวนท่ารำ...เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง


• ร่าเริงเกินตัวไปมากค่ะ นึกว่าตัวเองอายุ 20
• ร่าเริงเกินตัวไปมากค่ะ นึกว่าตัวเองอายุ 20
• ตั้งใจกว่าวิ่งคือเต้นนี่แหละ เก็บทุกสเต็ป!
• ตั้งใจกว่าวิ่งคือเต้นนี่แหละ เก็บทุกสเต็ป!

หลังจากนั้น ฉันจิบน้ำและอิเล็กโทรไลต์อย่างพอเพียง...ไม่สิคะ ไปนั่งตากแอร์ในคาเฟ่ กินกาแฟและข้าวเช้ากับเพื่อนต่อ สปอร์ตบราก็ยังชุ่มเหงื่อ ก็นั่งนมเย็นนมชื้นกันไป กินเสร็จ จิบอิเล็กโทรไลท์มั้ย? ไม่ค่ะ ขับรถกลับหัวหิน อาบแดดบ่ายไปตลอดทาง ขับไปดีใจไป กรูวิ่งเพซ 6 จ้า จะรีบกลับไปอวดสามี


อ้อ...ฉันยังไม่ได้บอกสินะ ว่าก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ฉันไปวิ่ง 10 โล งานโรตารี อู่ทอง ที่สุพรรณบุรีมา งานนั้นอากาศไม่ร้อนเลยจ่ะ เพราะฝนตกตลอดทาง วิ่งไปสะบัดน้ำไป จบงานนั้น ต่องานนี้ทันที ไม่ต้องพักค่ะ ฉันทำได้


ก็ทำได้จริงแหละ แต่พอกลับถึงบ้านฉันเริ่มเพลีย ตัวร้อนๆ...เออ มันคงเหนื่อยแหละ แถมยังขับรถตากแดดมาอีก ปกติน่ะ นอนเอาเดี๋ยวก็หาย


นอนไปนอนมา ย้ายไปนอนโรงบาลสิจ๊ะ แม่งตัวร้อนไม่หาย ตอนแรกคิดว่าเป็น heat exertion (อาการเพลียแดด ซึ่งเกิดจากร่างกายร้อนเกินไป มักเกิดหลังอยู่กลางแดดนานๆ หรือออกกำลังกายหนักในที่ๆ อากาศร้อน อาจมีอาการหน้ามืด เวียนหัว เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย และใจสั่น) สรุป...ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จ่ะ นอนกินน้ำเกลือและอาหารจืดๆ ไปค่ะ สามีก็พยายามจะนอนเฝ้า แต่โซฟาที่โรงพยาบาลนี้เล็กมากค่ะคุณ ฉันเห็นเค้าขดตัวแล้วสงสาร ให้กลับบ้านไปเถอะ ฉันไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น เดี๋ยวก็หาย


แต่...เอ๊ะ วันนี้ 28 ตุลา...กรูลงฮาฟ มาราธอน ที่อยุธยาไว้วันที่ 17 พฤศจิกา เป็นฮาฟแรกด้วยสิ ฉิบหายละ ตารางซ้อมก็จัดมาเพื่องานนี้ ซ้อมมาตั้ง 9 สัปดาห์แล้ว ก็ขาดช่วงสิฟระ แล้วเค้าบอกว่าเวลาหายไข้มันจะยังวิ่งไม่ได้เหมือนเดิมไปอีกเป็นเดือน จะไหวมั้ยอิแหนด!!!???


เดี๋ยวมาเล่าเรื่องฮาฟ มาราธอน ให้ฟังนะ แต่ก่อนอ่านจบ ขอฝากไว้จากใจว่า วิ่งจบทุกงาน น้ำต้องดื่ม อิเล็กโทรไลต์ต้องจิบ กินโปรตีนได้ยิ่งดี อย่าเสร่อเห็นแก่เต้นเห็นแก่กรี๊ดอย่างฉันค่ะ มันไม่คุ้ม!!!



Comments


ใช้ตีนคิด

think with your feet

  • strava
  • Instagram

© 2035 by Poise. Powered and secured by Wix

bottom of page